งานวิจัยใหม่เกี่ยวกับสัตว์

การคำนวณอายุสุนัข เทียบกับอายุมนุษย์



วันที่ 24 พฤศจิกายน 2019 สำนักข่าว The Independent รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า จากสูตรคำนวณเดิมว่า “1 ปีของสุนัข เทียบเท่ากับ 7 ปีของมนุษย์” เป็นสิ่งที่ผิด พวกเขาได้ค้นพบสูตรใหม่ซึ่งสามารถคำนวณอายุของน้องหมาได้เที่ยงตรงกว่าเดิมแล้ว
 
นักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย (University of California) ระบุว่า สุนัขจะเข้าสู่ช่วงวัยกลางคน เมื่ออายุได้ 2 ปี และความแก่ของมันจะเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ เมื่อมีอายุมากขึ้น หรือก็คือพวกมันจะอยู่ในวัยผู้ใหญ่นานกว่ามนุษย์เมื่อคิดเป็นอัตราส่วนต่อช่วงอายุทั้งหมด ซึ่งทำให้การนับอายุสุนัขแบบเดิม ๆ ไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป เพราะสุนัขที่มีอายุ 3 ปี จะเทียบเท่ากับคนอายุประมาณ 50 ปี

นักวิจัยเน้นไปที่การตรวจสอบดีเอ็นเอเมทิลเลชั่น (DNA methylation) ในสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์จำนวน 104 ตัว อายุระหว่าง 4 สัปดาห์ถึง 16 ปี เนื่องจากดีเอ็นเอตัวนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาเมื่อเซลล์เจริญเติบโตขึ้น ทำให้พวกเขาสามารถติดตามความก้าวหน้าทางชีวภาพของสัตว์ได้อย่างแม่นยำ

หลังจากประเมินผลแล้ว นักวิจัยนำข้อมูลที่ได้ไปเปรียบเทียบกับข้อมูลของคนกว่า 300 คน ใช้วิธีเดียวกันในการตรวจสอบ จนพบว่าเมื่ออายุ 2 ขวบ ดีเอ็นเอของลาบราดอร์จะเทียบเท่ากับมนุษย์ในวัย 40 ต้น ๆ จากนั้นการแก่ตัวของลาบาดอร์ก็จะช้าลงเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งหมายความว่าเมื่อลาบาดอร์อายุ 10 ปี ลาบราดอร์ก็จะคล้ายกับคนอายุ 68 ปี และเมื่อลาบราดอร์อายุ 12 ปี มันก็จะคล้ายกับคนอายุ 70 ปี ตามสมการนี้  16 x ln(อายุของสุนัข) + 31

อายุสุนัข (ปี) / อายุคน (ปี)
1 = 31   2 = 42.1   3 = 48.6    4 = 53.2    5 = 56.7   11 = 69.4   12 = 70.7   13 = 72.0   14 = 73.2   15 = 74.3
แม้ปัจจุบันจะยังไม่มีผลการศึกษาอายุขัยสุนัขในแต่ละสายพันธุ์อย่างชัดเจน แต่อย่างน้อยผลการศึกษาข้างต้น ก็ช่วยให้เรารู้ว่า สุนัขเติบโตเร็วมากในช่วงขวบปีแรก และเข้าสู่วัยกลางคนทันทีเมื่ออายุ 1 ปี
อ้างอิง:
Jake Buehler. Convert your dog’s age into human years using this new formula. http://bit.ly/2pUSBce
BBC newsround. Dog age: New way to calculate your dog’s age in human years. https://www.bbc.co.uk/newsround/50476934
Cr.https://www.flagfrog.com/dog-years-myth-research/ โดย FlyingPin
Cr.https://becommon.co/world/dogs-age-into-human-years/ โดย วชิรวิชญ์ กิติชาติพรพัฒน์

ปรสิตเติบโตในสมองตัวอ่อนจิ้งเหลน


อ้างอิงจากงานวิจัยที่มีกำหนดการจะได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร The American Naturalist ฉบับประจำเดือนพฤษภาคม 2020  ว่าหนอนปรสิตตัวใหม่ สามารถเข้าไปในตัวของลูกกิ้งก่าได้ ตั้งแต่ในตอนที่เป็นไข่  เพราะตามปกติสัตว์ที่ออกลูกเป็นไข่นั้นจะถูกมองว่ามีการออกลูกที่ปล่อยภัยต่อตัวอ่อนมากมาตลอด นับเป็นครั้งแรกของนักวิทยาศาสตร์ที่พวกเขาพบกับปรสิตที่มีความสามารถในการติดต่อจากแม่สู่ลูกในสัตว์ที่ออกลูกด้วยวิธีนี้

Nathalie Feiner นักชีววิทยาวิวัฒนาการของมหาวิทยาลัยลุนด์ในสวีเดน  อธิบายว่า การค้นพบนี้ทำให้พวกเธอสงสัยมากว่าปรสิตเหล่านี้เข้ามาอยู่ในตัวอ่อนได้อย่างไร ดังนั้นพวกเธอจึงตัดสินใจตรวจสอบกิ้งก่าตัวแม่อย่างละเอียด และพบว่าในรังไข่ของมันมี “นีมาโทดา” หรือพยาธิหนอนตัวกลมอาศัยอยู่

พวกมันถูกตั้งข้อสันนิษฐานว่าเป็นพยาธิสายพันธุ์ใหม่ซึ่งมีการปรับตัวให้สามารถอาศัยในระบบสืบพันธุ์ของกิ้งก่าได้ แทนที่จะเป็นตามลำไส้และระบบย่อยอาหารเหมือนกับพยาธิสายพันธุ์อื่นๆ และสามารถเข้าไปในตัวอ่อนกิ้งก่าได้ ตั้งแต่ในตอนที่เปลือกรอบๆ ตัวมันยังอ่อนอยู่
 

กิ้งก่าสายพันธุ์ “Podarcis muralis” ซึ่งถูกค้นพบพยาธิ


นอกจากนั้น นักวิทยาศาสตร์ทดลองปล่อยให้ตัวอ่อนกิ้งก่าจำนวนหนึ่งโตขึ้น พวกเขายังพบอีกว่า แม้จะมีพยาธิอยู่แต่ตัวอ่อนกิ้งก่าเหล่านี้กลับสามารถเติบโตขึ้นได้และก็มีสุขภาพดี หลังจากที่ตัวอ่อนจิ้งเหลนฟักออกมาจากไข่แล้ว  ทั้งนี้ Nathalie Feiner ยังไม่ได้มีการติดตามผลในระยะยาวจึงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมถึงผลที่ตามมาต่อไป
Cr.https://www.catdumb.tv/parasites-in-baby-lizards-still-in-shells-378/ By เหมียวศรัทธา

ยีนส์ควบคุมการงอกใหม่ของร่างกาย 


สิ่งมีชีวิตบางชนิดมีความสามารถในการสร้างส่วนต่าง ๆ ของร่างกายขึ้นมาใหม่ เช่น ซาลาแมนเดอร์ ที่สามารถงอกขาออกมาได้ถ้าถูกตัดทิ้ง ในขณะเดียวกันสัตว์บางชนิดก็มีความสามารถในการซ่อมแซมตัวเองที่เหนือกว่า เช่น แมงกระพรุน ที่สามารถงอกใหม่ได้ทั้งร่างกายถ้าถูกหั่นครึ่ง
 
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ทำการศึกษาสิ่งมีชีวิตเหล่านี้เพื่อพยายามค้นหาสวิตช์ดีเอ็นเอที่ควบคุมยีนส์เพื่อให้ร่างกายทั้งร่างเกิดการงอกใหม่ และการศึกษาก็นี้เจาะลึกเข้าไปในร่างกายของหนอนเสือดำสามแถบ (three-banded panther worms) และพบว่ามีดีเอ็นเอส่วนหนึ่งที่ไม่ได้เข้ารหัส หรือ ดีเอ็นเอขยะ ควบคุมการเปิดใช้งาน “ยีนควบคุมหลัก” ที่เรียกกันว่า early growth response (EGR)
 
“เราสามารถลดกิจกรรมของยีนตัวนี้และเราพบว่าถ้ามันไม่มี EGR จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น สัตว์ไม่สามารถซ่อมแซมร่างกายได้” ดร. Mansi Srivastava ผู้ช่วยศาสตราจารย์วิชาชีววิทยาสิ่งมีชีวิตและวิวัฒนาการแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กล่าว

คำถามที่ว่าสิ่งนี้จะช่วยให้มนุษย์อย่างเรารักษาแผลและงอกแขนขาใหม่ได้ไหม อย่างแรก มนุษย์มี EGR เช่นกัน แต่ไม่มีที่ไหนในร่างกายที่อยู่ในระดับที่จำเป็นต้องกระตุ้นให้ดีเอ็นเอนของเราเข้าสู่ขั้นตอนการงอกใหม่ และปัญหาคือยีนควบคุมหลักนี้มีความแตกต่างกันระหว่างในคนกับสัตว์ นักวิทยาศาสตร์จึงกำลังมองหาวิธีปรับแต่งดีเอ็นเอเพื่อทำให้มนุษย์มีความสามารถแบบนั้นบ้าง
 
ในปี 1988 นักวิทยาศาสตร์ในประเทศอิตาลีค้นพบว่าแมงกะพรุนสายพันธุ์ Turritopsis dohrnii มีวงจรชีวิตสลับกลับไปกลับมาระหว่างเด็กและผู้ใหญ่ เนื่องจากมันสามารถเปลี่ยนแปลงเซลล์จากเซลล์ที่เจริญเติบโตเต็มวัยและย้อนกลับไปสู่เซลล์เริ่มต้นได้ ทำให้มันมีชื่อเล่นว่า “แมงกะพรุนอมตะ”
Cr.ภาพ interestingengineering.com/
Cr.https://www.flagfrog.com/gene-like-wolverine-harvard/ โดย FlyingPin

ตัดต่อ DNA สร้าง “ไฮดราหลายหัว” 


 “ไฮดรา” เป็นสัตว์น้ำขนาดเล็กที่พบได้ในแหล่งน้ำ ได้รับชื่อมาจากสัตว์ในตำนานของชาวกรีกมีการสืบพันธุ์ด้วยการแตกหน่อ  ไฮดรามีความสามารถในการงอกตัวเองขึ้นมาใหม่ได้จากชิ้นส่วนเพียงชิ้นเดียวของร่างกาย มันจึงถูกมองว่าเป็นอมตะในสายตาของนักชีววิทยาหลายๆ คน  โดยมันสามารถงอกอวัยวะออกมาใหม่ได้แบบมีจำนวนเท่าเดิม

นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเจนีวาพยายามที่จะไขข้อสงสัย ในตอนที่พวกเขาทดลองตัดต่อ DNA ของไฮดรา และพบว่าหนึ่งในตัวอย่างทดลองของพวกเขาเกิดการงอกหัวจำนวนมากขึ้นมา
 
เดิมทีแล้วนักวิทยาศาสตร์ทราบว่าไฮดรานั้นอาศัยยีน “Wnt3” ในการงอกหัวใหม่ ถึงอย่างนั้นก็ตามพวกเขาก็เชื่อว่าไฮดราน่าจะมียีนอีกอย่างน้อยๆ หนึ่งตัวที่ใช้ควบคุมไม่ให้อวัยวะของมันงอกออกมามากกว่าที่ควรจะเป็น  โดยนักวิทยาศาสตร์พบว่ายีนที่มีการทำงานมากที่สุดในระหว่างการซ่อมแซมตัวเองของไฮดรา คือยีน Wnt3, Wnt5 และ Sp5 ซึ่งเป็นตัวที่นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจอย่างมาก

เมื่อพวกเขาลองหยุดการทำงานของยีน Sp5 ในตัวไฮดรา มันก็จะงอกหัวออกมาอย่างไม่สิ้นสุดทันทีที่หัวมันถูกตัด ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์จึงลงความเห็นว่ายีน Sp5 น่าจะเป็นยีนที่ค่อยส่งสัญญาณหยุดการงอกของอวัยวะในตัวของสิ่งมีชีวิต  หมายความว่ายีน Sp5 อาจจะมีความสามารถในการหยุดการงอกของมะเร็งได้ และอาจส่งผลโดยตรงกับงานวิจัยทางการแพทย์ในอนาคต 
ที่มา livescience, phys และ express
Cr. https://www.catdumb.com/multiple-heads-hydra-378/ By เหมียวศรัทธา

“ยาย้อนวัย” ใช้ได้ผลในหนูทดลอง


โดยคณะนักวิจัยจากศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยอีราสมุสในเนเธอร์แลนด์ เผยแพร่ผลทดสอบเบื้องต้นในการใช้ยาคืนความเยาว์วัยให้กับร่างกายหนูทดลองในวารสาร Cell โดยระบุว่ายาใช้ได้ผลกับหนูที่มีอายุมาก ทำให้สามารถคืนพละกำลังความแข็งแกร่ง มีขนกลับมาขึ้นหนาตามตัว และอวัยวะที่ชราภาพกลับมีประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้น

ดร. ปีเตอร์ เดอ ไคเซอร์ ผู้นำการวิจัยอธิบายว่า ยาชนิดนี้เป็นเปปไทด์หรืออนุพันธ์ย่อยของโปรตีน ซึ่งสามารถกำจัด "เซลล์ชรา" (senescent cell) ในร่างกายออกไปได้ โดยเซลล์ชรานั้นคือเซลล์ที่แก่จนหมดสภาพและไม่สามารถแบ่งตัวเพิ่มขึ้นได้อีก แต่ยังคงสะสมอยู่ในร่างกายเพื่อช่วยในการเยียวยาบาดแผลและยับยั้งการเกิดเนื้องอก อย่างไรก็ตาม เซลล์ชรานี้จะปล่อยสารเคมีที่ทำให้เกิดการอักเสบออกมาด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุของความชราภาพในอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย

ดร. ไคเซอร์บอกว่า เปปไทด์ในยาย้อนวัยจะไปรบกวนสมดุลเคมีของเซลล์ชราจนทำให้เซลล์นี้ตายและขับออกจากร่างกายไป โดยหนูทดลองที่ถูกเร่งให้ชราเร็วขึ้นด้วยการตัดต่อยีนและทำเคมีบำบัด จนมีสภาพร่างกายเทียบเท่ากับมนุษย์อายุ 90 ปี เมื่อได้รับยาย้อนวัยสัปดาห์ละสามครั้งติดต่อกันเป็นเวลาหนึ่งปี ปรากฏว่ากลับมามีพละกำลังมากขึ้น โดยสามารถวิ่งบนวงล้อหมุนได้เป็นระยะทางเพิ่มขึ้นสองเท่า ตับทำงานดีขึ้น และขนที่ร่วงกลับงอกหนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
คณะนักวิจัยวางแผนจะทำการทดลองยาย้อนวัยนี้กับมนุษย์ในขั้นต่อไป โดยผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่าควรทดสอบอย่างละเอียดเพิ่มเติมในส่วนของประสิทธิภาพของยาที่มีต่อหัวใจ กล้ามเนื้อ การเผาผลาญ และการทำงานของสมองด้วย นอกจากนี้ คณะวิจัยยังต้องทดสอบหาผลข้างเคียงของยาที่คาดว่าอาจมีต่อเนื้อเยื่อปกติในร่างกายได้
Cr.https://www.bbc.com/thai/international-39403330

 แพนด้าใช้ “ศีรษะ” ช่วยในการปีนป่าย 


งานวิจัยชิ้นใหม่ล่าสุดที่ได้รับการนำเสนอในงานพบปะของสมาคม Society for Integrative and Comparative Biology  นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการทดลองสังเกตการณ์ความสามารถในการปีนป่ายของแพนด้ายักษ์ (Ailuropoda melanoleuca) ระหว่างโครงการอนุบาลลูกแพนด้าเพื่อปล่อยกลับสู่ป่าในประเทศจีน พบว่ามีแพนด้าจำนวนมากที่ปีนต้นไม้ไม่ได้

อ้างอิงจากข้อมูลของงานวิจัยที่แพนด้าบางส่วนปีนต้นไม้ไม่ได้นั้น เกิดจากลักษณะสรีระร่างกายของมันเอง ซึ่งไม่ได้เอื้อต่อการปีนต้นไม้ แพนด้าจะมีหัวและร่างกายที่ใหญ่ในขณะที่มีขาสั้น ซึ่งสัตว์ที่มีรูปลักษณ์แบบนี้ ตามปกติแล้วจะไม่มีความสามารถในการปีนต้นไม้ได้ 

ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ยังคงสงสัยว่าหมีที่น่ารักเหล่านี้บางตัวสามารถปีนต้นไม้ได้ และพวกมันทำได้อย่างไร ต่อมานักวิจัยพบว่าแพนด้ากลุ่มที่ปีนต้นไม้เก่งๆ นั้นมีการใช้ “ส่วนหัว” เกาะต้นไม้จึงแปลกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก
 
เทคนิคในการปีนต้นไม้แบบนี้ จะทำให้จุดศูนย์ถ่วงของแพนด้าตกลงไปอยู่ที่ขาแทน ทำให้ร่างของพวกมันมีความเสถียรภาพมากขึ้นในการปีนต้นไม้ ทั้งๆ ที่ร่างกายไม่อำนวย ซึ่งสำหรับทางโครงการแล้ว นับว่าเป็นแพนด้ากลุ่มที่มีความสามารถเอาตัวรอดที่ดี และเหมาะสมต่อการปล่อยกลับสู่ป่ามาก
ดังนั้นความสามารถในการปืนต้นไม้ของสัตว์เหล่านี้ จึงขึ้นอยู่กับแพนด้าแต่ละตัวเอง และไม่อาจทราบได้ว่าแพนด้าที่ปีนต้นไม้ไม่เป็นในปัจจุบันจะสามารถปีนต้นไม้ได้เมื่อโตขึ้นหรือไม่
ที่มา livescience
Cr.ภาพ www.wegointer.com/
Cr.https://www.catdumb.tv/adorable-panda-climbing-378/

(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่